แจ้งเคลมแบบไหน ไม่ให้เสียเปรียบ 4 เงื่อนไขในการตัดสินใจว่า “ต่อประกันรถยนต์ก่อน หรือ แจ้งเคลมก่อน”
กรณีที่ 1 รถเคยมีเคลมอยู่แล้ว คือมีอุบัติเหตุและแจ้งเคลมแล้วเป็นฝ่ายถูก ก็ยังได้ส่วนลดในเรื่องของประวัติดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งควรจะต่อประกันกับที่เดิม ในกรณีที่คุณยังพอใจในบริการของพนักงานเคลม
กรณีที่ 2 รถแจ้งเคลมแล้วแต่เป็นฝ่ายผิด แบบนี้ประวัติการใช้รถดีก็จะเสียไป ก็อาจจะทำให้บริษัทประกันภัยเพิ่มเบี้ยประกันภัย ทีนี้ก็ต้องมาถามใจตัวเองว่าระหว่างเบี้ยที่เพิ่ม กับบริการที่ได้รับมันคุ้มค่ากันไหม เพราะผู้เอาประกันภัยหลายคนที่ติดใจในบริการ ทั้งพนักงานเคลมหรืออู่ในเครือที่อยู่ใกล้บ้าน แม้เวลาจะโดนปรับเบี้ยขึ้นไปบ้างเล็กน้อย ก็สามารถรับได้ไม่อยากจะเปลี่ยนบริษัทในการซื้อประกันภัย
กรณีที่ 3 รถมีความเสียหายแต่ยังไม่แจ้งเคลม เช่น ไปเบียดเสามา แล้วประกันเดิมใกล้จะหมด กรณีนี้ถ้าผู้เอาประกันภัยไม่อยากเปลี่ยนบริษัทประกันภัย ก็แนะนำว่าให้ต่อประกันภัยไปก่อน แล้วรอให้กรมธรรม์เดิมหมดอายุ ซึ่งจะได้ส่วนลดประวัติดี หลังจากนั้นค่อยแจ้งเคลม โดยใช้กรมธรรม์ประกันภัยฉบับใหม่ในการแจ้งเคลม ซึ่งถ้าบริษัทประกันภัยจะมีการเพิ่มเบี้ย ก็จะเพิ่มเบี้ยในปีถัดไปของการต่ออายุ ซึ่งถึงเวลานั้นผู้เอาประกันภัยก็สามารถที่จะเลือกบริษัทประกันภัยอื่นได้ หรือถ้าพอใจในบริการก็ต่อที่เดิมได้เหมือนเดิม
กรณีที่ 4 ถ้าผู้เอาประกันภัยตัดสินใจแล้วว่าในปีนี้จะเปลี่ยนบริษัทประกันภัยแน่นอน แนะนำให้แจ้งเคลม ซ่อมความเสียหายของตัวรถให้เรียบร้อย เพราะเวลาเปลี่ยนบริษัทประกันภัยใหม่ ก็จะมีการถ่ายรูปรถตรวจสภาพรถ ถ้ารถของคุณยังมีแผลเดิมอยู่ บริษัทใหม่เขาจะมาร์คแผลไว้ คือจะไม่รับผิดชอบ เวลาเกิดอุบัติเหตุในชิ้นส่วนนั้น คุณก็จะต้องร่วมรับผิดชอบครึ่งหนึ่ง
|